บริษัท ฟูห์เรอร์ ไวร์ แอนด์ เคเบิ้ล จำกัด มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ให้การต้อนรับ รองศาสตราจารย์ ดร.พีรวุฒิ ยุทธโกวิทอาจารย์ประจำภาควิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จาก การไฟฟ้านครหลวง (MEA) ในโอกาสเข้าร่วม การอบรมเชิงปฏิบัติการ ด้านกระบวนการทดสอบแรงดันไฟฟ้า AC (AC Withstand Test) และการตรวจวัดการคายประจุบางส่วน (Partial Discharge) ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการประเมินคุณภาพและความปลอดภัยของสายเคเบิ้ลแรงสูง
ในการอบรมครั้งนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.พีรวุฒิ ร่วมกับทีมวิศวกรของบริษัท ได้สาธิตกระบวนการทดสอบจริงโดยใช้อุปกรณ์ที่ผ่านการรับรองตามมาตรฐานสากล พร้อมทั้งอธิบายหลักการทำงานของระบบการตรวจสอบการคายประจุบางส่วน ทั้งในเชิงทฤษฎีและปฏิบัติ เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และความมั่นใจในการใช้งานจริงให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้เข้าร่วม
บริษัท ฟูห์เรอร์ ไวร์ แอนด์ เคเบิ้ล จำกัด ขอขอบพระคุณ รองศาสตราจารย์ ดร.พีรวุฒิ ยุทธโกวิท และ การไฟฟ้านครหลวงเป็นอย่างสูง ที่ให้เกียรติและไว้วางใจในครั้งนี้
เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยี และบริการที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนระบบไฟฟ้าของประเทศให้มีความมั่นคง ปลอดภัย และได้มาตรฐานสูงสุด
ในระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูง สายไฟที่ใช้ต้องสามารถรองรับแรงดึง และทนต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม เช่น อุณหภูมิ ลม แรงดึงจากน้ำหนักตัวเองและน้ำแข็งโดยไม่เกิดการยืดยาวถาวรเกินค่าที่กำหนด ซึ่งอาจส่งผลต่อระยะห้อยของสาย (sag) และความปลอดภัยในระบบ ดังนั้น การทดสอบ Creep (Creep Test) จึงเป็นขั้นตอนสำคัญในการประเมินคุณภาพของสาย ACSR ก่อนนำไปใช้งานจริง
วัตถุประสงค์ของการทดสอบ
1 เพื่อวัด การยืดตัวถาวรของสาย ACSR เมื่ออยู่ภายใต้แรงดึงในระยะเวลานาน
2 เพื่อประเมินความ เสถียรของวัสดุอลูมิเนียม(Aluminum strands) ต่อแรงดึงในสภาพแวดล้อมที่จำลองคล้ายของจริง
3 เพื่อใช้ข้อมูลการ Creep ในการ ออกแบบระยะห้อยสาย (sag-tension) ที่เหมาะสม ในการติดตั้งสายส่ง
หลักการของการทดสอบ
การทดสอบ Creep Test ตามมาตรฐานของ The Aluminum Association จะใช้สาย ACSR ที่ถูกดึงด้วยแรงเฉพาะค่าหนึ่ง เช่น 22% ของแรงดึงขาด หรือ Rated Tensile Strength – RTS ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน (เช่น 1000 ชั่วโมง หรือมากกว่า) ในอุณหภูมิที่ควบคุม โดยจะมีการวัด:
• การยืดตัวสะสม (permanent elongation) ของสาย
• การเปลี่ยนแปลงของความยาวสายเมื่อเวลาผ่านไป
• อุณหภูมิ (Temperature)
เกณฑ์การตัดสิน
ค่าการยืดตัวถาวรได้จากการวิเคราะห์ในสมการ Creep log-time และรายงานผลค่า Creep ที่ 1 ชั่วโมง, 6 เดือน, 1 ปี , 10 ปี และ 20 ปี
ในระบบจำหน่ายไฟฟ้าแรงดันปานกลางถึงแรงสูง (MV–HV) โดยเฉพาะสายเคเบิลใต้ดิน ความมั่นใจในความเป็นฉนวนและความสมบูรณ์ของสายเคเบิลเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อป้องกันการลัดวงจรหรือความเสียหายจากไฟฟ้ากระชาก การทดสอบ AC Withstand และ Partial Discharge (PD)จึงเป็นการทดสอบสำคัญที่ใช้ตรวจสอบประสิทธิภาพของฉนวนไฟฟ้าและความพร้อมของสายก่อนการใช้งานจริง
วัตถุประสงค์ของการทดสอบ
1. ตรวจสอบความแข็งแรงของฉนวนไฟฟ้า ว่าสามารถทนแรงดันไฟฟ้าสูงได้โดยไม่เกิดการทะลุ (breakdown)
2. ค้นหาความบกพร่องภายในฉนวน เช่น ช่องว่างอากาศ, ฟองอากาศ, การปนเปื้อน หรือความเสียหายจากการผลิต
3. ยืนยันความสมบูรณ์ของระบบฉนวน ก่อนการติดตั้งหรือใช้งานในระบบจำหน่าย
หลักการของการทดสอบ
1. AC Withstand Test (แรงดันทนไฟฟ้ากระแสสลับ)
สายเคเบิลจะถูกทดสอบโดยจ่ายแรงดันไฟฟ้าสูงกว่าระดับใช้งานจริง (Overvoltage) ด้วยไฟฟ้ากระแสสลับความถี่ 50/60 Hz โดย:
• จ่ายแรงดัน 3.5 U₀ เป็นเวลา 5 นาที (U₀ คือแรงดันไฟฟ้า Phase-to-earth ที่ระบุของสายเคเบิล)
• ตัวอย่างเช่น สาย 12/20 kV จะทดสอบที่ 3.5 × 12 = 42 kV
2. Partial Discharge Test (การตรวจวัดการคายประจุบางส่วน PD)
• จ่ายแรงดันที่ 2.0 U₀ หลังจากนั้นลดแรงดันลงมาที่ 1.73 U₀
• ใช้เครื่อง PD detector ตรวจจับจุดที่มีการคายประจุ และบันทึกค่าการคายประจุภายในฉนวนในหน่วย pC (Pico-Coulomb)
เกณฑ์การตัดสิน
1. สำหรับการทดสอบ AC Withstand Test หากไม่มีการ breakdown ระหว่างทดสอบ ถือว่าผ่าน
2. สำหรับการทดสอบ Partial Discharge Test ค่าการคายประจุต้องไม่เกิน 10 pC
© 2023 FUHRER WIRE AND CABLE CO.,LTD